ทำไมต้องเป็นเครื่องยนต์ 3 สูบ ?????

(แวะผ่านไปเจอบทความนี้เลยหยิบมาฝากกันครับ)

 ช่วงนี้กระแสการผลิตรถยนต์ทั่วโลกมีทีท่าว่าจะปรับตัวหันมาเน้นเรื่องความประหยัดมากขึ้น หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรถระดับบนต้องเข้าสู่โหมดรถไฟฟ้าหรือไม่ก็รถไฮบริด แต่ในกลุ่มระดับล่างนั้น เครื่องยนต์กำลังถูกย่อขนาดแต่ขยายสมรรถนะมากขึ้น เดิมทีเมื่อพูดถึงเครื่องยนต์ที่เล็กที่สุด เครื่องยนต์ 4 สูบ 1,500 ซีซี น่าจะเป็นเครื่องที่มีกำลังน้อยที่สุดแล้ว ทว่าวันนี้โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ เครื่องยนต์ 3 สูบกลายเป็นคำตอบที่เราหลายคนเริ่มได้สัมผัสกัน โดยเฉพาะในรถอีโค่คาร์ยอดนิยมในปัจจุบัน รวมถึงที่กำลังจะมาในอนาคต 
          ความจริงแล้วเครื่องยนต์ 3 สูบ นั้นไม่ใช่ของใหม่ มีใช้กันมานานพอสมควร ตั้งแต่ยุค 1970 โดยบริษัทซูซูกิ ประเทศญี่ปุ่น เริ่มผลิตในโครงการรถยนต์ขนาดเล็กที่เรียกว่า Kei Car แต่กว่าจะเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายก็อีก 6 ปี ให้หลังในช่วงปี 1984 เมื่อ Volkswagen นำเครื่องยนต์ 3 สูบออกสู่ตลาดในขนาด 1.8 ลิตร ที่ใช้ในรถ Alfa Romeo แต่เครื่อง 3 สูบ ก็ยังเป็นที่รู้จักกว้างขวางกว่าสำหรับรถนั่งขนาดเล็กของญี่ปุ่น ในกลุ่มไม่เกิน 660 ซีซี 
          คุณสมบัติหนึ่งที่สำคัญของเครื่องยนต์ 3 สูบนั้น คือ ชุดลูกสูบที่มีน้อยกว่าเครื่องยนต์ยอดนิยมอย่าง 4 สูบแถวเรียง ที่แม้การตัดออกไป 1 สูบ จะหมายถึงกำลังที่หดหายลงไปบ้าง แต่มันก็ช่วยให้เครื่องยนต์นั้นมีอัตราเร่งที่จัดจ้านอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่า เครื่องยนต์ 3 สูบ ไม่ว่าจะขนาดไหนๆ อาจลงท้ายที่มีแรงม้าน้อยกว่าเครื่องยนต์รุ่นใหญ่ โดยเฉพาะบล็อกเครื่องยนต์ 4 สูบ ที่ถือเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมายาวนาน แต่เมื่อพูดถึงความจัดจ้านที่ลงตัว และความประหยัดน้ำมันแล้ว เครื่องยนต์ 3 สูบ กลับตอบโจทย์ในเรื่องดังกล่าวได้ดียิ่งกว่า ซึ่งมาจากชิ้นส่วนที่น้อยกว่าและการเรียกแรงบิดในรอบที่ต่ำกว่า โดยเฉพาะในกลุ่มบล็อกเล็กพิกัดต่ำที่ตอบสนองได้ทันใจของการทำงานชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์  ไม่เพียงเท่านี้ เครื่องยนต์ 3 สูบนั้นยังลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา เช่นเดียวกับน้ำหนักเครื่องยนต์ที่เบากว่าเครื่อง 4 สูบพอตัว ทำให้เมื่อนำเครื่องยนต์ไปใส่ในรถที่มีขนาดเดียวกันนั้น รถรุ่นที่ใช้เครื่อง 3 สูบจะมีน้ำหนักน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด  ซึ่งหมายถึงความประหยัดน้ำมันและการแบกน้ำหนักด้วย 
             ปัจจุบันเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ 3 สูบ ถูกนำมาเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การติดตั้งระบบอัดอากาศให้เครื่องยนต์เหล่านี้สามารถฟัดกับเครื่องยนต์รุ่นใหญ่ได้ นอกจากนี้ในรถบางรุ่นยังมีการพัฒนาให้เครื่องรุ่นดังกล่าวตอบสนองการขับเคลื่อนแบบเครื่องยนต์ 5 จังหวะ ที่ให้กำลังได้ดีตั้งแต่รอบต่ำ 
             ในอนาคตโลกรถยนต์กำลังเดินทางไปในทิศทางเดียวกันที่คำว่าความประหยัดนั้นถูกนำมาเป็นบรรทัดฐานใหม่ของยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งแม้นี่อาจจะเป็นอีกครั้งที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่คนไทยอาจเพึ่งจะได้สัมผัส ทว่าลองเปิดใจดูสักนิดแล้วจะรู้ว่าบางครั้งสิ่งใหม่ๆก็ดีกว่าที่คิด 

ที่มา :OLE@710